การลดน้ำหนักในแต่ละคนนั้น อาจจะเรียกได้ว่า มีวิธีที่แตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล บางคนเลือกที่จะงดทานอาหารจำพวกต่างๆ แล้วหันมาทานอาหารพิเศษที่เขาว่าดี บ้างก็เลือกที่จะออกกำลังกายในแบบต่างๆ หรือบางคน ก็ใช้วิธีการรับประทานอาหาร 6 มื้อ โดยบางเป็นการทานอาหารในแต่ละมื้อให้น้อยลง และ บางคนก็เลือกที่จะงดรับประทานมื้อเย็น เพราะเชื่อว่า เป็นมื้อที่อ้วนง่ายสุด แต่แท้ที่จริงแล้ว การรับประทานแบบไหนดีกว่ากันแน่ เรามาพิสูจน์ตั้งแต่บรรทัดต่อไปได้เลย
ทานแบบ 6 มื้อเล็ก
การแบ่งทานอาหารเป็นมื้อย่อย 6 มื้อ นั้น หากได้วัดที่การเผาผลาญพลังงานในแต่ละวันแล้ว กลายเป็นว่า ไม่ได้ช่วยให้ทำให้ร่างกายเผาผลาญไปมากกว่าการทานอาหารครบ 3 มื้อเลย (ถ้าวัดกันที่ปริมาณแคลอรี่ของอาหารที่ทานเข้าไปทุกมื้อรวมกัน) แต่การแบ่งทานเป็นมื้อย่อยไปทั้งวัน ก็เป็นข้อดีตรงที่จะทำให้ไม่รู้สึกหิวในระหว่างวัน และในมื้อสุดท้ายของวันนั้น ก็จะทำให้ร่างกายไม่อดโซจนเกินไปด้วย
งดมื้อเย็น
สำหรับการงดทานมื้อเย็น หรือรับประทานเพียง 2 มื้อต่อวัน แล้วไม่ทานอะไรเลยจนถึงตอนนอนเลย ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานเกินไป เพราะร่างกายจะขาดพลังงานจนอาจจะทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพอื่นๆ ตามมา เช่น โรคกระเพาะอาหาร จากการทานอาหารไม่ตรงเวลา การขาดสารอาหาร เพราะขาดอาหารจากมื้อหลักไปเต็มๆ แถมระบบการย่อยอาหารจะแปนปรวน หรือ แม้กระทั่งอาจจะมีอาการอ่อนเพลียจากระดับน้ำตาลในเลือดที่ต่ำเกินไป
จากวิธีการของการลดน้ำหนักของทั้งสองวิธี กล่าวโดยสรุปคือ อาจจะไม่ได้ผลทั้งคู่ แต่วิธีหลัง อาจส่งผลเสียมากกว่า
ทานอาหารอย่างไร ให้น้ำหนักลงอย่างเห็นผล
ทางที่ดี ขอแนะนำว่าไม่ควรงดมื้อเย็นเด็ดขาด ยังไงก็ต้องรับประทานให้ครบ 3 มื้อต่อไป แต่เลือกที่จะรับประทานในช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ ไม่ควรน้อยกว่า 3-4 ชั่วโมงก่อนนอน ดั่งเช่นว่า หากเข้านอน 4 ทุ่ม ก็ควรทานช้าสุด ไม่เกิน 6 โมงเย็น ถึง 1 ทุ่ม เพื่อให้ร่างกายได้ย่อยอาหารก่อนที่จะนอน นอกจากนี้ มื้อเย็นยังสามารถเลือกรับประทานอาหารที่ให้พลังงานต่ำได้ เช่น ผัก ผลไม้ หรือ โปรตีนที่ไขมันต่ำ จำพวก ไก่ที่ไม่มีหนัง และ ปลา
ที่สำคัญที่สุด ควรรับประทานเข้าให้น้อยกว่าการเอาออก และออกกำลังกายเบิร์นพลังงานที่ทานเกินออกไปด้วย ซึ่งควรเล่นทั้งคาร์ดิโอและเวทเทรนนิ่งสลับกัน จะเห็นผลที่ดีที่สุด