ผู้เขียน หัวข้อ: “คาเมรอน ไฮแลนด์”แดนสวยรวยเสน่ห์...ถิ่นปริศนาปิดตำนานจิม ทอมป์สัน  (อ่าน 712 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ วิทยา

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 576
    1107



“คาเมรอน ไฮแลนด์”แดนสวยรวยเสน่ห์...ถิ่นปริศนาปิดตำนานจิม ทอมป์สัน    

   
คาเมรอน ไฮแลนด์ ดินแดนที่ราบสูงอันอุดมสมบูรณ์ของมาเลเซีย

       แม้การจากไปของ“จิม ทอมป์สัน”ผู้ได้ชื่อว่าเป็น“ราชาผ้าไหมไทย” หนึ่งในบุคคลระดับตำนานจะยัง
คงเป็นปริศนา แต่จากข้อมูลหลักฐานส่วนใหญ่ระบุตรงกันว่า เขาหายตัวไปอย่างลึกลับ ที่“คาเมรอน ไฮแลนด์”
(Cameron Highlands) ซึ่งปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อของมาเลเซีย ที่คนไทยนิยมเดินทาง
ไปเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก
       
       รู้จักคาเมรอน ไฮแลนด์
       
       คาเมรอน ไฮแลนด์ เป็นดินแดนที่ราบสูงทางภาคเหนือของมาเลเซีย ตั้งอยู่ในรัฐปาหัง ดินแดนแห่งนี้
เดิมเป็นป่าเขากับถิ่นที่อยู่ของชนพื้นถิ่น จนกระทั่งในปี ค.ศ.1885 “วิลเลียม คาเมรอน”(William Cameron)
นักสำรวจชาวอังกฤษเดินทางมาค้นพบ ซึ่งเขาได้บรรยายว่าดินแดนแห่งนี้เป็น “ที่ราบสูงที่ลาดเอียงได้อย่างสวยงาม
และโอบล้อมไปด้วยหุบเขาสูงตระหง่าน” หลังจากนั้น


แปลงพืชผักแห่งคาเมรอนไฮแลนด์

       หลังจากนั้นดินแดนแห่งนี้ก็ได้รับการพัฒนา มีการสร้างชุมชน สร้างเมืองขึ้น โดยคนกลุ่มแรกๆที่เข้ามา
จับจองพื้นที่ คือพวกเจ้าของไร่ชา เจ้าของฟาร์ม ผู้มีอันจะกินที่มองหาดินแดนที่มีอากาศดี สงบ เป็นส่วนตัว
ขณะที่ทางผู้ปกครองในยุคนั้นคืออังกฤษก็ได้สร้างที่นี่เป็นเมืองพักตากอากาศ ให้เป็นที่รองรับสำหรับผู้ป่วย
ผู้สูงวัย และผู้เกษียณอายุ โดยมีชาวจีนเดินทางเข้ามาทำไร่ ทำสวนผัก หลังจากที่เมืองค่อยๆพัฒนาขึ้น
       
       สำหรับชื่อคาเมรอน ไฮแลนด์นั้น ได้ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติในภายหลังแก่ผู้ค้นพบดินแดนแถบนี้
(อย่างเป็นทางการ) คือ“วิลเลียม คาเมรอน”



ย่านดาวน์ทาวน์เมืองทานา ราตา

       ปัจจุบันคาเมรอน ไฮแลนด์มีเมือง(อำเภอ)หลัก 3 เมือง ไล่ไปตามระดับความสูง คือ “ริงเลท”(Ringlet)
เมืองที่สร้างขึ้นเป็นแห่งแรกในคาเมรอน ชาวเมืองส่วนใหญ่เป็นคนจีน ที่นี่ถือเป็นพื้นที่หลักในการทำสวนผลไม้ สวนผัก
       
       เมืองสำคัญสูงขึ้นถัดไปคือเมือง “ทานา ราตา”(Tanah Rata) เป็นศูนย์กลางการปกครอง เมืองราชการ
ในอดีต มีบ้านพัก บังกะโล ตลาด ร้านค้า ร้านอาหารมากมาย โดยเฉพาะกลุ่มตึกเก่า และกลุ่มอาคารกลางเมือง
ที่สร้างอย่างสวยงามนั้นซึ่งถือเป็นจุดเดินเที่ยวชั้นดีของเมืองนี้


บรินชาง เมืองในหุบเขา

       ส่วนเมืองสำคัญลำดับสุดท้ายคือ“บรินชาง”(Brinchang) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่สูงสุดในหุบเขา มีการทำ ไร่ชา
สวนผลไม้ ฟาร์มสตรอเบอร์รี่ และพืชผักเมืองหนาวอื่นๆ ซึ่ง“ตะลอนเที่ยว” กับคณะเลือกพักในเมืองบรินชางที่
โรงแรม “Equatorial” ที่มีวิวรอบข้างสวยงาม จากระเบียงพักชั้นต่างๆสามารถมองลงมาเห็นทิวทัศน์เมืองบรินชาง
ในหุบเขาได้เป็นอย่างดี
       
       นอกจากนี้ Equatorial ยังถือเป็นโรงแรมที่มีคนไทยนิยมไปพักกันไม่น้อย ถึงขนาดทางโรงแรมมีคาราโอเกะ
เพลงไทยไว้บริการกันเลยทีเดียว


เฟิร์นมหาสดำพบเห็นได้ทั่วไปในคาเมรอน ไฮแลนด์

       ไร่ชา -ลาเวนเดอร์-สตรอเบอร์รี่
       
       คาเมรอน ไฮแลนด์ มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูง มีความสูงเฉลี่ย 1,524 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
เป็นดินแดนที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี มีจุดสูงสุดคือยอดเขาบรินชางที่สูงด้วยเลขสวยคือ 6,666 ฟุต
หรือราว 2,000 เมตร(1,999.80 เมตร) ซึ่งนักทองเที่ยวสามารถเดินทางขึ้นไปสัมผัสกันได้
       
       ปัจจุบันแม้พื้นที่ส่วนใหญ่ของคาเมรอน ไฮแลนด์จะได้รับการพัฒนาสร้างอาคารสถานที่และสิ่งต่างๆ
รองรับการเติบโตของเมืองและธุรกิจท่องเที่ยวที่กำลังโตวันโตคืน แต่เมืองนี้ก็ยังคงหลงเหลือสภาพป่าฝน
เขตร้อนชื้นให้สัมผัสกันพอสมควร โดยเฉพาะกับเฟิร์นมหาสดำที่ถือเป็นพืชโบราณ พืชดึกดำบรรพ์เหลือน้อย
ในบ้านเรา แต่ที่นี่มีให้เห็นกันเพียบ ทั้งตามป่าเขา ตาม 2 ข้างทาง ริมไร่ หรือแม้กระทั่งแต่ในเมือง


ทิวทัศน์ไร่ชาที่คาเมรอน ไฮแลนด์

       ด้วยความที่มีอากาศดี ดินดี คาเมรอน ไฮแลนด์จึงเป็นแหล่งปลูกพืชผักเมืองหนาวชั้นนำของมาเลเซีย
ส่งผลให้ที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่เปิดไร่ เปิดฟาร์ม เปิดสวนให้คนเข้าไปเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก
       
       สำหรับทริปนี้ “ตะลอนเที่ยว” พุ่งเป้าไปที่ 3 แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรยอดฮิตของเมือง เริ่มกันที่
“ไร่ชาสุไหง ปาลัส”(Sungei Palas) ในสังกัด BOH ชาแบรนด์ดังของมาเลเซีย ตั้งอยู่ในเมืองบรินชาง
เป็นไร่ชาขนาดใหญ่ที่สูงที่สุดในคาเมรอน ไฮแลนด์


ไร่ชาสุไหง ปาลัสกับร้านอาหารจุดชมวิวชั้นดี

       ภายในไร่มีจุดชมวิว จุดถ่ายรูปไร่ชาอันกว้างไร่สวยงาม มีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์อย่างสวยงาม
นอกจากนี้ยังมีโรงงานผลิตชาเปิดให้เที่ยวชม มีพิพิธภัณฑ์ชาให้เดินดูกรรมวิธีแบบโบราณ รวมถึงมีร้าน
ขายของที่ระลึกเน้นชาสารพัด และร้านอาหาร เครื่องดื่ม ที่มีมุมระเบียงเป็นไฮไลท์ให้นักท่องเที่ยวมา
ถ่ายรูปไร่ชาในมุมสวยเริ่ดกัน


ลูกสตรอเบอร์รี่ยักษ์จำลองแม่เหล็กดึงดูดเหล่าเด็กๆ

       จุดต่อไปเป็นไร่หรือฟาร์มสตรอเบอรี่ที่มีให้เลือกเที่ยวกันหลายแห่ง บางสวนเปิดให้นักท่องเที่ยว
สามารถเดินเข้าไปเก็บสตรอเบอร์รี่สดๆจากต้นได้ ในราคาตามที่สวนกำหนด แต่งานนี้เราพุ่งเป้าไปที่
“Big Red Straw Berry Farm” ฟาร์มชื่อดังที่มีการปลูกสตรอเบอร์รี่ในกระถางและปลูกพืชผักแบบ
ไฮโดรโพนิก ในฟาร์มมีมุมสวยๆเก๋ๆให้ถ่ายรูป มีสตรอเบอรี่สดๆสีแดงสวยให้เลือกซื้อ และของกินที่มี
ส่วนของสตรอเบอรี่มากหลายให้เลือกกิน


แปลงดอกไม้หลากสีที่สวนลาเวนเดอร์

       มาถึงแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรลำดับสุดท้าย เป็น “สวนลาเวนเดอร์”(Lavender Garden)
ที่ย่าน “Kea Farm” ที่นี่เป็นสวนสวย ด้านในตกแต่งอย่างกิ๊บเก๋ มีมุมสวยงามให้เลือกถ่ายรูปกันมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นมุมที่นำรองเท้ามาปลูกต้นไม้ มุมตู้ไปรษณีย์ มุมคิตตี้ที่เด็กๆชอบกันมาก มุมคิวปิด มุมป้ายเก๋ๆ
และมุมไฮไลท์คือมุมแปลงดอกไม้ด้านหน้าที่ปลูกลาเวนเดอร์ ซัลเวีย บีโกเนีย เป็นแปลงสีม่วง เหลือง
แดง ตัดสลับกันอย่างสวยงาม
       
       ขณะที่ด้านบนนั้นเป็นสวนสตรอเบอร์รี่ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปเก็บสตรอเบอรี่ในสวนได้
ส่วนบริเวณทางออกเป็นโซนร้านขายของที่ระลึก มากไปด้วยสีสัน มีดีไซน์ ซึ่งสามารถเรียกเงินจากผู้มาเยือน
ได้ไม่น้อยเลย


แปลงดอกไม้จุดถ่ายรูปยอดฮิตในสวนลาเวนเดอร์

       ตลาด-ดอกไม้-ผึ้ง - ผีเสื้อ
       
       เลยจากย่าน Kea Farm ไปไม่ไกลเป็นเมือง“ทริงแคป”(Tringkap) ที่นี่มีตลาดพืช ผัก ผลไม้
และของที่ระลึก ให้เลือกช้อปกัน นอกจากนี้ในตลาดยังมี “สวนกุหลาบ”(Rose Centre) ที่ภายในมีกุหลาบ
แคคตัส และดอกไม้อีกสารพัดทั้งดอกไม้จริง ดอกไม้ปลอม รวมไปถึงสิ่งประดับสวนอื่นๆให้เลือกชม อีกทั้งยัง
มีจุดชมวิวให้เดินขึ้นไปชมเมืองทริงแคป ที่มองลงไปเห็นบ้านเรือนปลูกสร้างไล่ระดับตามสภาพพื้นที่ไปอย่างมีสีสัน
       
       
       ขณะที่ใกล้ๆกัน(มีทางเดินเชื่อมถึง) เป็นพื้นที่จัดแสดงเกี่ยวกับการทำฟาร์มผึ้งหนึ่งในอาชีพที่คนที่นี่นิยมทำกัน
มีการนำเสนอให้เห็นถึงผึ้งกับรังชนิดต่างๆ ที่เมื่อได้เห็นใกล้ๆ“ตะลอนเที่ยว” จึงรู้ว่าลวดลายเส้นสายบนรังผึ้งนั้น
คืองานศิลปะดีนี่เอง


พบผีเสื้อหลากสีสันได้ในสวนผีเสื้อ

       คาเมรอน ไฮแลนด์ยังมีจุดท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่คนนิยมไปกันนั่นก็คือ “สวนผีเสื้อ”ที่เมื่อเข้าไปภายในมีผีเสื้อ
มากมายหลากสีสันให้ชม ผีเสื้อบางตัวนึกว่ามันตายแล้วเขาเอามาสตาฟฟ์ไว้ ที่ไหนได้มันยังเป็นอยู่ หนวดกระดิกไหวๆ
แต่ตัวกลับเกาะนิ่งบนดอกไม้ ใบไม้ ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันอย่างง่ายดาย เหมือนว่ามันรู้งาน ช่วยเจ้าของทำมาหากิน
ยังไงยังงั้น
       
       แม้จะได้ชื่อว่าเป็นสวนผีเสื้อแต่ที่นี่ก็ยังมีสัตว์อื่นๆให้เที่ยวชม อาทิ แมลงแปลกๆ กิ้งก่า กว่าง ด้วง กบ นก หนู
กระต่าย เต่า รวมไปถึงงู สัตว์มีพิษที่ดูน่าเกลียดน่ากลัว แต่ว่ากลับมีคนไปเฝ้าดูมันเป็นจำนวนมาก


Smokehouse Hotel

       บ้านหลังสุดท้ายของจิม ทอมป์สัน
       
       ในยุคที่อังกฤษมาบุกเบิกสร้างเมือง พวกเขาได้นำบ้านสไตล์ยุโรปและบ้านสไตล์ทิวดอร์(Tudor)
ที่เป็นงานสถาปัตยกรรมคลาสสิกจากเมืองผู้ดีมาด้วย
       
       บ้านสไตล์ทิวเดอร์เดิมทำจากโครงไม้สน หรือไม้โอ๊ค ภายนอกเน้นทาสีขาว มีลวดลายทาสีเข้ม
ตัดตามโครงสร้างทั้งเส้นนอน เส้นตั้ง และเสียงเฉียง ดูสวยงาม ซึ่งปัจจุบันสถาปัตยกรรมสไตล์นี้ได้กลาย
มาเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของคาเมรอน ไฮแลนด์ ที่มีโรงแรม รีสอร์ท จำนวนมาก สร้างในรูปแบบนี้
       
       สำหรับอาคารเก่าจากยุคอดีตที่วันนี้มีคนนิยมไปเที่ยวชมกันมากก็คือ “โรงแรมสโมกเฮ้าส์”
(Smokehouse Hotel) ที่เป็นโรงแรมแห่งแรกในคาเมรอน ไฮแลนด์สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1937
ในสไตล์ทิวดอร์ อาคารสร้างอย่างสมส่วน บริเวณรอบๆมีสวนหย่อม มีไม้ดอกไม้ประดับตกแต่งอย่าง
สวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวชมภายนอกได้อย่างสำรวม ส่วนถ้าจะเข้าไปถ่ายภายใน
หรือถ่ายสวนสวยต้องขออนุญาตทางเจ้าของเขาก่อน


Moonlight House หรือ บ้าน(พัก)จิม ทอมป์สัน ก่อนหายตัวลึกลับ

       ในคาเมรอน ไฮแลนด์ ยังมีบ้านหลังสำคัญมากอีกหนึ่งหลัง นั่นก็คือ “Moonlight House”
หรือ “บ้าน(พัก)จิม ทอมป์สัน”
       
       บ้านมูนไลท์เป็นบ้านเก่าที่จิม ทอมป์สัน เคยมาพักเมื่อครั้งที่มาพักผ่อนเมื่อกว่า 45 ปี ที่แล้ว
ก่อนที่เขาจะหายตัวลึกลับไปในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1967(พ.ศ.2510) แถวบริเวณที่วันนี้คือ โรงแรม
Strawberry Park ซึ่งจากนั้นมาเลเซียได้ตีให้จิมเป็นคนสาบสูญหลังจากนั้นอีก 10 ปี ผ่านมา
       
       มาวันนี้แม้การหายตัวของจิม ทอมป์สันยังเป็นปริศนา แต่บ้านมูนไลท์ที่เป็นบ้านหลังสุดท้ายก่อน
ที่จิมจะหายไปได้ถูกชูเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเด่นอีกแห่งหนึ่งของคาเมรอน ไฮแลนด์ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวตาม
ร่องรอยของจิม ทอมป์สันมาดูบ้านหลังนี้ไม่ได้ขาด
       
       บ้านมูนไลท์สร้างคู่กับบ้านซันไรส์(Sunrise House)ที่อยู่ใกล้ๆกัน ซึ่งปัจจุบันบ้านทั้ง 2 หลัง
ได้มีผู้มาซื้อกิจการไปทำเป็นโรงแรมที่พัก
       
       สำหรับผู้ที่ไปเที่ยวคาเมรอน ไฮแลนด์ สิ่งต่างๆที่ “ตะลอนเที่ยว” เล่ามา ถือเป็นเสน่ห์บางส่วนของ
เมืองบนขุนเขาสูงแห่งนี้ที่รอคอยให้ผู้สนใจเดินทางไปสัมผัส


สตรอเบอร์รี่ผลไม้ขึ้นชื่อของคาเมรอน ไฮแลนด์
       ****************************************
 >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
     
       คาเมรอน ไฮแลนด์ ตั้งอยู่ในรัฐปาหัง ทางภาคเหนือของมาเลเซีย ห่างจากเมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์
ประมาณ 200 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมงเนื่องจากเส้นทางสู่คาเมรอน ไฮแลนด์
เป็นทางขึ้นเขา มีสภาพคดเคี้ยว จากเมืองไทยมีเส้นทางรถยนต์ที่คนไทยนิยม คือเส้นทางไปจากด่านสะเดา
อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แล้วเดินทางสู่คาเมรอน ไฮแลนด์
       
       ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร สายการบิน และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
ในมาเลเซียได้ที่ การท่องเที่ยวมาเลเซีย สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 0-2636-3380


>>>>>>>>>>>>>>
นำมาจาก
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000077139


+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: http://www.plengpakjai.net/index.php?topic=16478